วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันมาฆบูชา




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

           


วัน มาฆบูชา ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง วันนี้กระปุกจึงมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวันมาฆบูชามาฝากกันค่ะ

ความหมายของวันมาฆบูชา

          คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3

การกำหนดวันมาฆบูชา
          การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม

 ความสำคัญและประวัติของวันมาฆบูชา
          ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
 ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
          1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

          2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6

          4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

          และ เพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ

          จาตุร แปลว่า 4
          องค์ แปลว่า ส่วน
          สันนิบาต แปลว่า ประชุม

          ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง
          ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์
 ประวัติการถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

          พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า

          ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
          เมื่อถึงเวลาค่ำ  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่างๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ

          ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่ นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
          ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

          นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย

 หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ

          หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้

 หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
          1.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)

          2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)

          3.การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย

          ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" นั่นเอง

 อุดมการณ์ 4 ได้แก่

          1.ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
          2.ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
          3.ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ
          4.นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา


 วิธีการ 6 ได้แก่

          1.ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร
          2.ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
          3.สำรวมในปาติโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม
          4.รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่างๆ
          5.อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
          6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี


 กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

          การปฏิบัติตนสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันมาฆบูชาคือ คือ ในตอนเช้า ควรไปทำบุญตักบาตร ไปวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา หรือจัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวายภัตตาหาร ช่วงบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา เมื่อถึงตอนค่ำ นำดอกไม้ ธูปเทียนไปเวียนเทียน 3 รอบที่พระอุโบสถ โดยการเวียนเทียนนั้นจะเวียนขวา จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดินอยู่นั้นให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนควรบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่างๆ และรักษาศีล สำหรับตามบ้านเรือน สถานที่ราชการ จะมีการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพื่อระลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา


 ข้อเสนอแนะการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันมาฆบูชา

 กิจกรรมเกี่ยวกับครอบครัว
          กิจกรรมที่ครอบครัวควรทำในวันมาฆบูชา อย่างเช่น การทำความสะอาดบ้าน จัดแต่งที่บูชาประจำบ้าน ชักชวนครอบครัวไปทำบุญตักบาตร ฟังศีล ฟังธรรม บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติธรรม รวมทั้งควรศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอน และความสำคัญของวันมาฆบูชาด้วย

 กิจกรรมเกี่ยวกับสถานศึกษา

          ในสถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่ง โดยภายในสถานศึกษาควรมีการร่วมรำลึกถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา เช่น จัดนิทรรศการให้ความรู้ ประกวดเรียงความ ตอบปัญหาธรรมะ บรรยายธรรม หรือร่วมกันทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน บำเพ็ญกุศล อีกทั้งประกาศเกียรติคุณนักเรียนผู้ทำประโยชน์ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี

 กิจกรรมเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน

          ควรประชาสัมพันธ์ในที่ทำงาน และจัดให้มีการบรรยายธรรม หรือร่วมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน ร่วมทำบุญ บำเพ็ญกุศลร่วมกัน

 กิจกรรมเกี่ยวกับสังคม

          ภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็น วัด มูลนิธิ สมาคม สื่อมวลชน สนามบิน สถานีรถไฟ ฯลฯ ควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ความสำคัญของวันมาฆบูชา อาจเป็นการพิมพ์เอกสารให้ความรู้ จัดให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน เช่น ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ช่วยกันรณรงค์ให้เลิกอบายมุข แต่รณรงค์ให้ช่วยกันทำประโยชน์ต่อสังคมแทน อาจช่วยกันปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดที่สาธารณะ ฯลฯ

 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา

          พุทธศาสนิกชนจะมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของวันมาฆบูชา รวมทั้งหลักธรรมต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความตระหนักต่อความสำคัญของพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะชาวพุทธ และยังเป็นการช่วยธำรงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แก้ไขข้อสอบ แก้ข้อสอบฟิสิกส์

แก้ไขข้อสอบ

แก้ข้อสอบฟิสิกส์

1. วัตถุก้อนหนึ่งมวล  80  N   ผูกไว้กับ เชื่อเบายาว 1 เมตร   เมื่อออกแรงดึงวัตถุในทิศขนาน กับพื้นระดับจนเชื่อกทำมุม  30 0  กับแนวดิ่ง  จง หาขนาดของแรงดึง  และตึงในเส้นเชือก 




2. วัตถุหนัก 50  N วางอยู่บนพื้นราบมีค่า สัมประสิทธิ์ความเสียดทาน 0.5 ถ้าออกแรงดึงวัตถุนี้ในทิศทำมุม 60 0 กับพื้นระดับปรากฏว่าวัตถุเริ่มจะเคลื่อนที่พอดี จงหาขนาดของแรงดึง  และแรงปฎิกิริยาของพื้น 



วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

เกี่ยวกับ blogger

เรื่องของ Blogger

Blogger เริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ ในซานฟรานซิสโกชื่อ Pyra Labs ในเดือนสิงหาคม 1999 ในยุคเฟื่องฟูของธุรกิจดอตคอม แต่เราก็ไม่ใช่กิจการที่สนับสนุนโดยนักลงทุน ชอบจัดปาร์ตี้ เล่นฟุตบอลในล็อบบี้ หรือเป็นกิจการที่แจกเบียร์ไม่อั้น (ยกเว้นเบียร์ของคนอื่น)
พวกเราเป็นกลุ่มเพื่อนสามคน สร้างรายได้จากการทำงานในโครงการเว็บไซต์ที่น่าเบื่อให้กับบริษัทใหญ่ๆ และมองหาทางก้าวเข้าสู่โลกแห่งอินเทอร์เน็ตอย่างอลังการ สิ่งที่เราพยายามทำตั้งแต่แรกนั้นไม่ค่อยมีความหมายสักเท่าไรในขณะนี้ แต่ระหว่างที่เราพยายามกันอยู่นั้น เราได้สร้าง Blogger ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และก็คิดว่า อืมม์ น่าสนใจนะ
Blogger เริ่มต้นดำเนินการอย่างเงียบๆ และเติบโตขึ้นในที่สุด ภายในเวลาไม่กี่ปี เรามีรายได้พอสมควร (แต่ยังคงเป็นทีมงานเล็กๆ) และจากนั้นบางสิ่งก็เกิดขึ้น เงินทุนของเราหมด และการเดินทางอันแสนสนุกก็เริ่มสนุกน้อยลง เราเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด อาจจะไม่ครบถ้วนเท่าใดนัก แต่เราก็ให้บริการมาได้อย่างต่อเนื่อง (เกือบทุกวัน) และเริ่มกลับมาสร้างรากฐานที่มั่นคงต่อไป
ทุกอย่างกลับมาสดใสอีกครั้งในปี 2002 ตอนนั้นเรามีผู้ใช้เป็นแสนๆ คน ในขณะที่เรามีกันไม่กี่คนเท่านั้น แต่แล้วก็มีสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันเกิดขึ้น: Google ต้องการ ซื้อกิจการของเรา ใช่แล้ว Google นั่นเอง
เราชอบ Google มาก และ Google ก็ชอบบล็อก เราจึงคล้อยตามแนวคิดนี้ และทุกอย่างก็ไปได้สวย
ขณะนี้เราเป็นทีมงานเล็กๆ (แต่ใหญ่กว่าเดิมนิดหน่อย) ใน Google ที่มุ่งเน้นในการช่วยเหลือให้ผู้คนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นทางเว็บ และจัดระเบียบข้อมูลของโลกจากมุมมองของบุคคล ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือเรื่องหลักที่เราทำมาตลอดนั่นเอง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google โปรดเข้าสู่ google.com (ซึ่งใช้ค้นหาข้อมูลได้อีกด้วย)http://www.blogger.com/about

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

การตีกลองชุด

เทคนิค การตีกลอง



                    
เทคนิค การตีกลองhttp://www.clipmass.com/movie/155422334055292http://www.clipmass.com/movie/%
            โดยทั่วไปกลองชุดประกอบด้วยกลองใหญ่ 1 ใบ กลองเล็ก 1 ใบ กลองทอมใหญ่หรือฟลอร์ทอม 1 ใบ กลองทอม ทอม 2 ใบ ฉาบใหญ่ 1 ใบ ฉาบเล็ก 1 ใบ และไฮแฮท 1 คู่             ก่อนการบรรเลงต้องจัดกลองชุดให้ถูกต้องเสียก่อน  เริ่มต้นจากกลองใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าผู้บรรเลง  กลองเล็กตั้งอยู่ริมขอบกลองใหญ่ด้านซ้ายมือ  กลองทอมใหญ่ หรือฟลอร์ทอมตั้งอยู่ริมขอบกลองใหญ่ด้านขวามือ กลองทอม ทอม สองใบตั้งอยู่บนกลองใหญ่ ทอมใบเล็กติดตั้งด้านซ้ายมือ ทอมใบที่ใหญ่กว่า ติดตั้งด้านขวามือ ส่วนฉาบใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างกลองใหญ่กับทอมใหญ่ด้านขวามือ ฉาบเล็กตั้งอยู่ระหว่างกลองใหญ่กับกลองเล็กด้านซ้ายมือ และไฮแฮท อยู่ติดกับกลองเล็กด้านซ้ายมือ หลังจากจัดกลองชุดเรียบร้อยแล้ว ควรตรวจสภาพกลองทุกใบให้อยู่ในสภาพการที่ใช้การได้ดีโดยเฉพาะการปรับ เสียงกลองใหญ่ ตรวจสอบแผ่นพลาสติกโดยการวางเท้าลงบนกระเดื่องแล้วกดปลายเท้าลง หูฟังเสียงกลองใหญ่ ลักษณะเสียงที่บ่งบอกว่าไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป จะมีเสียงทึบก้องกังวานพอประมาณ ถ้าเสียงทึบความก้องกังวานสั้นแสดงว่าตึงเกินไป  แต่ถ้าเสียงไม่ทึบและมีความก้องกังวานมากแสดงว่าหย่อนเกิดไป ฉะนั้นควรปรับเสียงกลองใหญ่ให้พอดีไม่ตึงเกินไปหรือหย่อนมาก  การปรับเสียงกลองเล็กต้องปลดเส้นลวดออกจากแผ่นพลาสติกก่อน นำไม้ตีกลองเล็กเคาะลงบนแผ่นพลาสติก เพื่อฟังเสียงกลองเล็ก วิธีการปรับเสียงกลองเล็กโดยการใช้ที่หมุนมีลักษณะกลมเป็นโพรงมีที่จับ สำหรับหมุนกลองเล็กบางชนิดใช้ไขด้วยสกรู  การปรับเสียงต้องนำวิธีการปรับเสียงกลองใหญ่มาใช้ คือ ปรับจุดที่หนึ่งใกล้ตัว แล้วย้ายไปปรับจุดที่สองซึ่งอยู่ตรงกันข้ามและจุดที่สามปรับด้านบนแล้วย้าย ไปปรับจุดที่ 4 อยู่ตรงกันข้ามคือด้านล่าง เหมือนกับเข็มทิศปรับทิศเหนือแล้วย้ายลงใต้ ปรับทิศตะวันออกแล้วย้ายไปปรับทิศตะวันตก  ดังนี้เรื่อยไปทุกจุด   อย่าปรับทุกจุดตามลำดับเรียงกันเป็นวงรอบ เพราะจะทำให้ด้านแต่ละด้านไม่เท่ากัน  เมื่อปรับจุดใดจุดหนึ่งและด้านตรงกันข้ามเรียบร้อยแล้ว ใช้ไม้ตีกลองเล็กเคาะลงบนแผ่นพลาสติกเพื่อฟังเสียง  ถ้าเสียงสูงแสดงว่าตึง ถ้าเสียงต่ำแสดงว่าหย่อน  ต้องปรับทั้งสองด้านใหม่ให้ระดับเสียงเท่ากันส่วนการปรับเสียงทอม และทอมใหญ่ ให้ใช้วิธีการปรับเสียงเหมือนกับกลองเล็ก ระดับเสียงกลองทอมทั้งสามใบมีระดับเสียงไม่เท่ากัน ควรตั้งระดับเสียงกลองทอม ด้านซ้ายมือให้เสียงสูง ทอมด้านขวามือเสียงกลาง และทอมใหญ่เสียงต่ำ ระดับเสียงกลองทอมสามใบ จะมีระดับเสียงต่อเนื่องกัน คือ สูง  กลาง และต่ำ
            การ ปรับเสียงกลองอีกลักษณะหนึ่งที่นิยมโดยทั่วไป  คือ  การป้องกันเสียงก้องกังวานของหางเสียงกลองขณะบรรเลงจังหวะเร็วๆ  ทำให้เสียงถี่กระชั้นของหางเสียงกลองที่ไม่ต้องการปะปนกันกับเสียงกลอง  ทำให้ได้ยินเสียงกลองที่ต้องการไม่ถนัดชัดเจน  ควรนำวัสดุที่มีน้ำหนักเบา เล่น สำลี นุ่น หรือเศษผ้าวางลงบนแผ่นพลาสติก  แล้วใช้ผ้าขนาดหนึ่งฝ่ามือ  รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือใหญ่กว่าเล็กน้อยปิดทับบนวัสดุ นำกาวเทปหรือกระดาษกาว  หรือวัสดุพันสายไฟปิดทับทั้งสี่ด้าน เสียงของหางกลองจะลดน้อยลงมาก  สามารถบรรเลงจังหวะเร็วๆ ตามถนัดได้ตามความต้องการ  โดยจะได้ยินเสียงกลองเป็นจังหวะๆ ตามตัวโน้ตอย่างชัดเจน  บางครั้งผู้บรรเลงจะไม่นิยมปิดเศษผ้ากับแผ่นพลาสติก  จะใช้วิธีถอดแผ่นพลาสติกออกแล้วนำเศษผ้าใส่ในกลองแล้วปิดแผ่นพลาสติก  สามารถกระทำได้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ป้องกันหางเสียงกลอง
            การบรรเลงกลองชุด มีขั้นตอนดังนี้
            1.  การนั่ง  ผู้บรรเลงกลองชุดต้องนั่งบรรเลง เพื่อใช้เท้าทั้งสองข้างให้เป็นประโยชน์  ก่อนนั่งควรเลือกเก้าอี้สำหรับนั่งตีกลอง  เมื่อนั่งแล้วรู้สึกสบายไม่เจ็บก้นเพราะเก้าอี้นั่งมีหลายชนิด  บางชนิดสามารถปรับเลื่อนให้สูงขึ้น  หรือต่ำลงได้ตามต้องการ  การนั่งควรนั่งตามสบาย เท้าและหัวเข่าทั้งสองแยกออกจากกัน  เพื่อให้กลองเล็กอยู่ระหว่างหัวเข่าทั้งสอง  เท้าข้างขวาวางลงบนกระเดื่องกลองใหญ่  เท้าข้างซ้ายวางลงบนกระเดื่องไฮ-แฮท  หลังต้องไม่งอโค้ง  ควรตั้งให้ตรงอยู่เสมอ  เพื่อให้อาการปวดหลังมีน้อยมาก  หายใจสะดวกปลอดโปร่ง (ส่วนมากเมื่อบรรเลงไประยะหนึ่งหลังจะงอโค้งเป็นส่วนใหญ่)  คอตั้งตรง ใบหน้าตั้งตรงไม่ก้มต่ำ  สายตามองดูบทเพลงและเพื่อนร่วมบรรเลง  เพราะผู้บรรเลงกลองชุดจะเป็นผู้ให้สัญญาณจังหวะ  กรณีที่ไม่มีผู้อำนวยเพลง
            2.  การจับ  การจับไม้ตีกลองชุด  มีวิธีการเดียวกันกับการจับไม้ตีกลองเล็กทุกประการ  ก่อนบรรเลงควรเลือกไม้ตีกลองชุดที่แข็งแรงไม่หักง่ายสองชุด  ชุดที่หนึ่งต้องมีน้ำหนักเบาเพื่อบรรเลงจังหวะช้าจนถึงปานกลาง  เพราะทำให้บรรเลงได้สะดวกคล่องแคล่ว โดยเฉพาะการรัว  กลองเล็กหรือกลองทอม  และการเดี่ยวกลอง  ชุดที่สองต้องมีน้ำหนัก  เพื่อบรรเลงเพลงประเภทเฮฟวี่ (Heavy)  ฮาร์ด ร็อค(Hardrock)  และดิสโก้(Disco)  ฯลฯ 
            เครื่องมืออีกชนิดหนึ่งสำหรับใช้บรรเลง  กลองชุด  ทำด้วยโลหะ  ความยาว  14-15 นิ้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน  ส่วนที่หนึ่งทำด้วยโลหะ หรือพลาสติก หรือยาง หรือโลหะหุ้มพลาสติก หรือหุ้มยาง ส่วนที่สองทำด้วยโลหะเส้นเล็กๆ เหมือนเส้นลวดหลายเส้น ตอนปลายส่วนที่หนึ่งมีปุ่มสำหรับดึงเส้นลวดเก็บเข้าเครื่องมือชนิดนี้เรียก ว่าแส้ หรือแปรงลวด (wire Brushes) วิธีจับแส้ให้จับอย่างเดียวกันกับการจับไม้ตีกลองเล็ก
            3.  การบรรเลง ก่อนการบรรเลงต้องตรวจสอบระยะกลองชุดและฉาบ ให้อยู่ในระยะพอเหมาะกับมือและเท้า เริ่มจากเท้าขวาโดยวางเท้าข้างขวาลงบนกระเดื่องให้หัวเข่าทำมุมฉากพอดี อย่าให้เกินมุมฉาก เพราะจะทำให้เมื่อยเร็วแล้วยังทำให้กลองใหญ่ถอยห่างออกไปได้ เท้าข้างซ้ายก็เช่นกัน วางเท้าลงบนกระเดื่องไฮ แฮท ให้หัวเข่าทำมุมฉาก ส่วนกลองเล็กตั้งอยู่ระหว่างหัวเข่าทั้งสอง มือขวาระยะให้พอดีกับฉาก อย่าตั้งฉากให้ไกลสุดมือ เพราะจะทำให้เมื่อยแขนโดยไม่จำเป็น ควรดึงฉาบเข้าหาตัวให้ระยะห่างประมาณช่วงแขนงอได้เพื่อสะดวกต่อการบรรเลง ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งคือ อย่าให้เบียดชิดติดกันมากนักเพราะจะทำให้การบรรเลงอาจจะผิดพลาดขึ้นได้ โดยไม้ตีกลองอาจจะกระทบกับฉาบหรือกลองทอม ฉะนั้นควรกะระยะให้พอดี ทดลองตีทุกๆเครื่องมือเสียก่อน แล้วจึงลงมือบรรเลง
            วิธีการเหยียบกระเดื่องกลองใหญ่ ให้วางเท้าลงบนกระเดื่อง กดปลายเท้าลงบนกระเดื่องแล้วรีบ ยกปลายเท้าขึ้นโดยให้สันเท้าติดอยู่กับที่ กระเดื่องจะเด้งติดตามปลายเท้ามาโดยอัตโนมัติ วิธีนี้ใช้สำหรับการบรรเลงจังหวะธรรมดา ตั้งแต่จังหวะช้าๆ จนถึงจังหวะค่อนข้างเร็ว ส่วนจังหวะเร็วและต้องการเสียงกลองหนักแน่นให้ยกขาขึ้นแล้วใช้ปลายเท้ากดลง บนกระเดื่องโดยให้น้ำหนักอยู่ที่ปลายเท้า แล้วรีบยกขาขึ้นอย่างเร็ว ต้องการความเร็วขนาดไหน ก็ให้ชักเท้าขึ้นและกดปลายเท้าลงตามที่ต้องการ วิธีนี้ยังใช้สำหรับการรัวกลองใหญ่ได้อีกด้วย
            วิธีการเหยียบกระเดื่องไฮ แฮท โดยวางเท้าลงบนกระเดื่องให้น้ำหนักอยู่ที่ปลายเท้า กดปลายเท้าลง ยังไม่ต้องรีบยกขึ้นเมื่อต้องการเสียงสั้น ถ้าต้องการเสียงยาวให้รีบยกปลายเท้าขึ้นทันที กรณีที่บทเพลงต้องการให้บรรเลงเสียงสั้นและยาวตามจังหวะเพลงให้ใช้ไม้กลอง เล็กตีลงบนไฮ แฮทตามจังหวะ  เท้าเหยียบลงบนกระเดื่องแล้วรีบยกขึ้นจะได้เสียงทั้งสั้นและยาวสลับกันไป
            การเดี่ยวกลอง หรือโซโลกลอง  ให้ยึดจังหวะกลองใหญ่เป็นจังหวะหลัก จังหวะไฮ-แฮทเป็นจังหวะรอง โดยใช้มือขวานำตามด้วยมือซ้าย เริ่มจากกลองเล็ก ทอม ทอม และฟลอร์ทอม วนเวียนตามลำดับ หรืออาจสลับกลับกันจากฟลอร์ทอมเป็นทอม ทอมและกลองเล็กลักษณะนี้ต้องมือซ้ายนำ เพื่อป้องกันมือทั้งสองข้างกระทบกัน

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

กร็ด ความรู้

http://wantana04.blogspot.com/2011/01/blog-post_23.html
เกร็ด ความรู้ [image: 12795] *ผลงาน วิจัยชิ้นใหม่ระบุว่า dark energy มีการประพฤติตัวสอดคล้องกับ “ค่าคงที่ของจักรวาล” (Cosmological Constant) ที่ไอน์สไตน์เคยทำนายไว้ ซึ่งความแม่นยำของการสอดคล้องกันนี้อยู่...

โปรแกรม MS Excel

บทนำ

บทที่ 1: หน้าจอและการพิมพ์ข้อความ

บทที่ 2: การจัดรูปแบบข้อความ


บทที่ 3:การคำนวณอย่างง่าย และฟังก์ชั่นเบื้องต้น

บทที่ 4:การสร้างแผนภูมิ


บทที่ 5: ตัวอย่างแผ่นงาน